ส่งผลไม้ ควรเลือกใช้ขนส่งประเภทไหนดี

Palo (น้องพะโล้)

Palo (น้องพะโล้)

SHARES

ต้องยอมรับว่าด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้การส่งสินค้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมากพัฒนาขึ้นสามารถส่งของที่มีวันหมดอายุหรือเสื่อมสภาพไวอย่างผลไม้เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นกว่าเดิม  เพราะปัจจุบันนี้มีผู้ให้บริการมากมายที่แข่งขันกันในตลาดขนส่ง ต่างคนต่างก็ปรับตัวเพื่อให้สินค้าถึงมือผู้รับปลายทางอย่างสมบูรณ์ที่สุด และต้องรวดเร็วอีกด้วย เรียกว่ายังไม่ทันข้ามวันผลไม้สด ๆ  ก็ไปถึงมือลูกค้าเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าบริษัทขนส่งสินค้าจะมีบริการแบบส่งผลไม้ทุกเจ้า เหตุผลเนื่องจากผลไม้เป็นสินค้าประเภทอาหารที่เสี่ยงได้รับความเสียหายในระหว่าง ขนส่ง สูง ดังนั้นผู้ให้บริการบางเจ้าจึงตัดปัญหาด้วยการไม่ให้บริการหรือไม่รับประกันหากเกิดความเสียหายกับสินค้า
…ถึงแม้ว่าการขนส่งผลไม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ยังมีผู้ให้บริการที่มีความชำนาญและโดดเด่นเรื่อง ส่งผลไม้ ให้เรียกใช้บริการ ส่วนจะเป็นเจ้าไหนนั้น เรามีคำตอบมาฝาก

ส่งผลไม้ กับขนส่งประเภทไหนดี hide

MAKESEND

-

MAKESEND ผู้ให้บริการด้านการ ขนส่ง ผลไม้  อาหารสด อาหารทะเล อาหารปรุงสุก เครื่องดื่ม เบเกอรี่ และพัสดุในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งในกรณีของการส่งสินค้าประเภทผลไม้สด ทาง MAKESEND รองรับการจัดส่งทั้งแบบผลไม้เป็นผล ผลไม้บรรจุกล่อง ผลไม้บรรจุถุง ผลไม้ที่ผ่านการตัดแต่งเพื่อความสวยงาม ผลไม้ที่มีกลิ่นแรง และผลไม้ที่จำเป็นต้องควบคุมอุณหภูมิ เพราะฉะนั้นกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของ MAKESEND จึงเป็นกลุ่มผู้จำหน่ายผักและผลไม้สดที่ต้องการส่งสินค้าที่ยังคงสดใหม่ ถึงมือลูกค้าแบบสมบูรณ์ 100% ไม่มีความเสียหาย สำหรับจุดเด่นของ MAKESEND ที่ทำให้ลูกค้าไว้วางใจนั้นคือเรื่องระบบการจัดส่งสินค้าแบบวันเดียวถึงจุดหมายด้วยมาตรฐาน Food Grade Delivery ด้วยบริการส่งสินค้าทั้งแบบแช่เย็นและแช่แข็ง การันตีว่าส่งไว ส่งเร็ว การันตีว่าสินค้าผลไม้สดจะเดินทางถึงมือลูกค้าในเวลาไม่เกิน 2 ทุ่มของทุกวัน โดยผู้ส่งสามารถติดตามสถานะการขนส่งทุกวินาทีผ่านแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ของ MAKESEND ได้แบบ Real Time หากเกิดกรณีผลไม้ถึงผู้รับช้ากว่าที่กำหนดไว้ ทาง MAKESEND ยินดีรับผิดชอบด้วยคืนเงินค่าขนส่งให้เต็มจำนวน อีกทั้งยังมีการรับประกันความเสียหายหากเกิดขึ้นกับสินค้าสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทอีกด้วย

นอกจากนั้นถ้าส่งตั้งแต่ 3 ชิ้นขึ้นไป ทางเจ้าหน้าที่จะเข้ารับพัสดุฟรีถึงบ้าน ไม่ต้องเสียเวลาออกมาส่งเอง พร้อมทั้งบริการเก็บเงินปลายทางให้กับผู้จัดส่ง และเมื่อรับเงินจากผู้รับแล้วทาง MAKESEND จะโอนเงินเข้าระบบร้านค้าทันที ทำให้ไม่ต้องรอเงินนานให้ต้องกังวลเรื่องสภาพคล่องทางการเงินของร้าน สำหรับการคิดค่าบริการของ MAKESEND จะคิดราคาตามขนาดของพัสดุเริ่มต้นที่ราคา 40 บาท รองรับน้ำหนักพัสดุได้สูงสุดถึง 25 กิโลกรัม ต่อการส่ง 1 ครั้ง

SCG EXPRESS

ขอบคุณภาพจาก : https://blog.lnw.co.th/2020/09/02/scg-express/

มาต่อกันด้วยผู้ให้บริการขนส่งอีกเจ้าที่ให้บริการส่งสินค้าประเภทอาหารสด , ผลไม้ที่เน้นให้บริการเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเช่นเดียวกัน สำหรับ SCG EXPRESS  ซึ่งผู้ให้บริการส่งสินค้ารายนี้มีบริการจัดส่งพัสดุแบบทั่วไป รองรับพัสดุที่มีปริมาตรผลรวมความกว้างความยาวความสูงไม่เกิน 250 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่เกิน 25 กิโลกรัม , การส่งพัสดุแบบควบคุมอุณหภูมิสำหรับสินค้าแช่เย็นและสินค้าแช่แข็ง รองรับพัสดุที่มีผลรวมความกว้างความยาวความสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่เกิน 25 กิโลกรัม และการขนส่งพัสดุขนาดใหญ่ รองรับพัสดุน้ำหนักสูงสุด 50 กิโลกรัม ความยาวไม่เกิน 2 เมตร โดยผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้แบบ Real Time และจองรถเข้ารับพัสดุได้ที่บ้านผ่านทางเว็บไซต์ www.scgexpress.co.th แอพพลิเคชั่น SCG EXPRESS และ Call Center ของ SCG EXPRESS สำหรับการคิดค่าบริการตามขนาดพัสดุจะคำนวณจากความกว้าง ความยาว และความสูงของพัสดุ แต่หากเป็นกังวลเรื่องค่าบริการว่าจะสูงเกินไปสามารถคำนวณและตรวจสอบพื้นที่ให้บริการได้ก่อนใช้บริการจริงที่เว็บไซต์ของ SCG EXPRESS

ไปรษณีย์ไทย

ขอบคุณภาพจาก : https://www.ichipack.com/article

ปิดท้ายกันด้วยไปรษณีย์ไทย ผู้ให้บริการด้านการขนส่งเจ้าเก่าที่อยู่กับคนไทยมาเป็นร้อยปี  ซึ่งขณะนี้ทางไปรษณีย์ไทยได้มีบริการส่งสินค้าทั้งแบบธรรมดา ส่งแบบมีหลักฐาน ส่งด่วนพิเศษ ส่งของใหญ่ ส่งแผ่นพับใบปลิว และส่งภายใต้การควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งในกรณีที่ต้องการ ส่งผลไม้ทางไปรษณีย์ไทยจะให้บริการแบบส่งด่วนพิเศษด้วยมาตรฐานเดียวกับการส่งแบบ EMS ใช้เวลาขนส่ง 1 – 2 วัน ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนต่างจังหวัดใช้เวลาประมาณ 2 – 4 วัน โดยคิดค่าบริการแบบเหมาจ่ายตามน้ำหนัก ถ้าน้ำหนักไม่เกิน 3 กิโลกรัม เริ่มต้นที่ 50 บาท รองรับพัสดุสูงสุดไม่เกิน 20 กิโลกรัม ราคาค่าส่งสูงสุด 220 บาท อีกทั้งยังมีบริการ ขนส่ง สินค้าที่ต้องแช่แข็งและแช่เย็น ทางไปรษณีย์ไทยเปิดบริการขนส่งด้วยรถควบคุมอุณหภูมิ รองรับทั้งสินค้าที่อยู่ในกล่องกระดาษและกล่องโฟมน้ำหนักไม่เกิน 25 กิโลกรัม สำหรับค่าบริการถ้าพื้นที่จัดส่งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ส่งแบบแช่เย็นเริ่มต้นที่ 120 บาท ส่งแบบแช่แข็งเริ่มต้นที่ 170 บาท , เขตภาคกลาง ตะวันออก และตะวันตก ส่งแบบแช่เย็นเริ่มต้นที่ 200 บาท ส่งแบบแช่แข็งเริ่มต้นที่ 250 บาท และเขตภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน ส่งแบบแช่เย็นเริ่มต้นที่ 250 บาท ส่งแบบแช่แข็งเริ่มต้นที่ 300 บาท สำหรับบริการส่งด้วยรถควบคุมอุณหภูมิปัจจุบันมีให้บริการในบ้างพื้นที่เท่านั้น จึงควรตรวจสอบพื้นที่บริการให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจ

จะเห็นได้ว่าผู้ให้บริการ ส่งผลไม้แต่ละเจ้ามีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าถามว่าควร ส่งผลไม้ที่ไหนดีคำตอบคือ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ส่งว่าต้องการให้ผลไม้ไปถึงมือผู้รับอย่างไร แต่หากเป็นการส่งภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในจำนวนหรือน้ำหนักไม่สูงมากนัก แนะนำให้เลือกผู้ให้บริการที่ส่งถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็วและมีระบบดูแลสินค้าอย่างมีมาตรฐาน เพราะนอกจากจะมั่นใจได้ว่าสินค้าจะถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัยแล้ว ยังช่วยสร้างความประทับใจในตัวสินค้าได้อีกทางด้วย 

ขอบคุณข้อมูลจาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *